หนึ่งในสาเหตุของความนิยมในการแทงบอลออนไลน์นั้นคือการมีราคาบอลต่างๆ ที่มีความหลากหลายในอัตราจ่าย โดยถ้าหากเป็นราคาบอลที่มีอัตราจ่ายที่สูงแล้ว ความเป็นไปได้ก็จะเกิดขึ้นน้อยในแต่ละเกมการแข่งขัน การเลือกราคาบอลที่สมเหตุสมผลและมีความสัมพันธ์กันกับเงินในกระเป๋าของเราด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากจะเลือกราคาบอลที่มีอัตราจ่ายสูงอยู่ตลอด ก็เหมือนกับการทุ่มเงินไปโดยสูญเปล่า ราคาบอลแต่ละราคาก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป ต้องศึกษาให้ดีเสียก่อน
ราคาบอล 1x2
เป็นราคาบอลที่สามารถเข้าใจและลงเดิมพันได้มากที่สุดในบรรดาราคาบอลทั้งหมดทั้งปวงทุกเว็บบอลออนไลน์ เป็นแค่เพียงการทายผลว่าจะทีมใดจะเป็นฝ่ายชนะก็เท่านั้น แต่ถ้าหากผลออกมาเป็นเสมอก็จะเสียเดิมพันทั้งสองฝ่าย ราคาบอลนี้มีอัตราการจ่ายที่ผันแปรตามความเก่งของแต่ละทีม ราคาบอล 1x2 ของทีมที่เก่งกว่าก็จะมีการจ่ายน้อยกว่า ขณะที่ราคาบอล 1x2 ของทีมที่เป็นรองก็จะมีการจ่ายที่มากกว่า เพราะเชื่อว่ามีโอกาสในการชนะการแข่งขันน้อยนั่นเอง
ราคาบอลทีมต่อและทีมรอง
เป็นการทายผลคล้ายๆ กับราคาบอล 1x2 แต่ราคาบอลแบบนี้จะมีเรื่องของอัตราต่อรองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยและมีหลายราคาบอลมากกว่า โดยยิ่งมีอัตราต่อรองที่ติดลบมากเท่าไรก็จะมีอัตราจ่ายที่สูงเพิ่มมากขึ้นไปด้วย โดยมีการคิดราคาบอลง่ายๆ ดังนี้ เช่น ทีมที่มีอัตราต่อรอง -0.5 เท่ากับการมีแต้มติดลบอยู่ -0.5 อยู่ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม ในการที่จะชนะการเดิมพันจะต้องมีการทำประตูขึ้นมามากกว่า +0.5 ให้ได้ และทีมตรงข้ามจะต้องไม่มีการทำแต้มขึ้นมาเทียบเท่าจนฝั่งเราติดลบเหมือนเดิม
ราคาบอลสูงและต่ำ
เป็นราคาบอลที่ไม่มีการแพ้หรือชนะจากผลการแข่งขันตอนจบเกม แต่เป็นการนับผลรวมการทำประตูของทั้งสองฝั่งว่ามีจำนวนที่มาก หรือ น้อย เท่าไรแค่นั้น ซึ่งการราคาบอลสูงและต่ำจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ดังนี้
- ราคาบอลสูงครึ่งแรก - เป็นการทายผลรวมสกอร์ของทั้งสองฝั่งตั้งแต่เริ่มเกมจนถึงนาทีที่ 45 รวมกับทดเวลาบาดเจ็บ
- ราคาบอลสูงเต็มเกม - เป็นการทายผลรวมสกอร์ของทั้งสองฝั่งตั้งแต่เริ่มเกมจนถึงนาทีที่ 90 รวมกับทดเวลาบาดเจ็บ
- ราคาบอลสูงครึ่งหลัง - เป็นการทายผลรวมสกอร์ของทั้งสองฝั่งตั้งแต่เริ่มเกมนาทีที่ 46 จนถึงนาทีที่ 90 รวมกับทดเวลาบาดเจ็บ
ราคาบอลนั้นหลายๆ คนคงเข้าใจและคิดว่ามันคือ อัตราการจ่าย หรืออัตราการต่อรอง ซึ่งนั่นก็ไม่ผิด แต่อันที่จริงแล้วนั้นราคาบอลมันมีอะที่มากกว่าอัตราการจ่าย หรือ อัตราการต่อรอง ซึ่งมันจะสัมพันธ์กันเป็น วงกลม โดยมี คู่บอล > ราคาบอล (อัตราการต่อรอง) > ค่าน้ำ ซึ่งสามสิ่งนี้มันสัมพันธ์กันอย่างไรนั้น เรามาทำความรู้จักให้ละเอียดในแต่ละประเภทกันครับ
- ราคาบอล
อันที่จริงในภาษาการแทงบอลนั้น ราคาบอล มักจะถูกเรียกว่าค่าน้ำ ซึ่งก็คือราคา ที่ออกมาจากอัตราต่อรองนั่นเอง ซึ่งราคาบอล หรือค่าน้ำบอลนั้น จะมากหรือน้อยนั้นอยู่ที่อัตราความเสี่ยงของอัตราการชนะ กล่าวคือ ถ้าราคาบอลมีราคาสูง หรือ ค่าน้ำสูง นั่นแปลว่าโอกาสชนะนั้นก็จะมีได้ยาก มากว่าราคาบอลต่ำ หรือค่าน้ำต่ำ
ยกตัวอย่างเช่น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs เชลซี
- ราคาที่ 1 อัตราต่อรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ที่ 0.5 ราคาบอล(ค่าน้ำ 0.89) เท่ากับว่า แทง 100 บาท จะได้กำไร 89 บาท
- ราคาที่ 2 อัตราต่อรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต้ด อยู่ที่ 0.5/1 ราคาบอล(ค่าน้ำ 1.15) เท่ากับว่า แทง 100 บาท จะได้กำไร อยู่ที่ 115 บาท
ข้อสังเกต เมื่ออัตราต่อรองมีความเสี่ยงสูงขึ้น ราคาบอล นั้นก็จะสูงขึ้นตามนั่นเอง จะเห็นได้ว่าในราคาบอลที่ 1 นั้นมีอัตราต่อรองที่ 0.5 ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่า ราคาที่ 2 ที่มีอัตราต่อรอง 0.5/1 นั่นเอง
- ราคาบอลไหล
ราคาบอลไหลนั้น อันที่จริงนั้นก็คือราคาบอล ที่มีการแปรผันปรับขึ้นปรับลง ตามความเป็นไปได้ และ โอกาสของทีมนั้น เช่น ราคาของคู่ ลิเวอร์พูล พบ เอฟเวอร์ตัน ตอนก่อนเริ่มแข่ง นั้นราคา ตั้งมาอยู่ที่ ลิเวอร์พูล ต่อ -1 อัตราค่าน้ำ 1.00 แต่พอมาตรวจสอบราคา ก่อนบอลจะเริ่มเตะจริงๆ อัตรา ต่อ -1 แต่มีอัตราค่าน้ำต่ำลงจาก 1.00 เป็น 0.95 นั่นสามารถแปลความหมายได้ 2 กรณีดังนี้
- กรณีที่ 1 ค่าน้ำ หรือ ราคาบอล ลดลง ไปเนื่องจาก มีจำนวนคนแทงมาก และโอกาสความเป็นไปได้สูงมากขึ้น โต๊ะบอลจะทำการปรับระบบให้ค่าน้ำต่ำลง
- กรณีที่ 2 ค่าน้ำ หรือ ราคาบอล ลดลง เป็นเพราะมีคข่าวความเป็นไปได้ที่ลิเวอร์พูลจะชนะมากขึ้น อาจเป็นเพราะ นักเตะฟอร์มดีหายเจ็บ หรือ ทีมตรงข้าม ประกาศรายชื่อนักเตะแล้ว ตัวเก่งของทีมนั้นๆ ดันเจ็บ ซึ่งเท่ากับว่า ปัจจัยทุกอย่างที่ทำให้ลิเวอร์พูล ชนะมากขึ้น จะทำให้ราคานั้น ไหลต่ำลง นั่นเอง
หลังจากที่ราคาไหลลงต่ำจนถึง ประมาณ 15 - 20 % แล้ว ทางโต๊ะบอล จะปรับอัตราต่อรองเพิ่มขึ้น เพราะโอกาสชนะของทีม ลิเวอร์พูล หรือทีมนั้นๆ มีโอกาสชนะสูงขึ้น ราคาต่อรองก็จะสูงขึ้น และ อัตราค่าน้ำก็จะสูงขึ้น
ข้อสังเกต เมื่ออัตราต่อรองมีการขยับลงก่อนแข่งนั้น สามารถเดาได้เลยว่า ทีมนั้นๆ มีโอกาสชนะมากขึ้น และเป็นคู่ที่ผู้คนได้รับความสนใจและแทงมากขึ้น แต่หากราคานั้น ขยับสูงขึ้น นั้นแปลว่าโอกาสทีมนั้นที่จะชนะก็มีน้อยลงราคาจึงปรับให้สูงขึ้นนั่นเอง
สรุป
ยิ่งราคามีการปรับตัวขึ้นสูงหรือราคาสูง ความเสี่ยงก็จะสูงตาม และ ราคาที่มีการปรับหรือขยับลง หรือ ราคาต่ำ ความเสี่ยงก็ต่ำตามลงมาเช่นกัน นี่คือรายละเอียด ราคาบอล แบบพื้นฐานที่ควรรู้ และ ติดตามบทความ ราคาบอลชนิดอื่นๆ ได้ในบทความหน้า
หลายๆ คนอาจเคยสงสัยว่าทำไม ราคาบอล นั้นต้องมีหลากหลายประเภท แล้วแต่ละประเภทมันแตกต่างกันอย่างไร คำตอบนั้นก็คือ ที่ราคาบอลนั้นต้องมีหลากหลายประเภทนั้นก็เพื่อ แบ่งการเล่นการเดิมพันบอล ในแบบต่างๆได้อย่างชัดเจนนั่นเอง อย่างเช่น ราคาบอลเต็มเวลา และ ราคาบอลสดนั้น ก็จะมีความแตกต่างและความแปรผัน ที่ไม่เหมือนกัน แล้วทั้งสองอย่างนั้นแตกต่างกันอย่างไรและ แยกได้อย่างไร
ราคาบอลช่วงเวลาแต่ละประเภท หลังมีอยู่ 2 ชนิดคือ
- ราคาบอลเต็มเวลา หรือ FTHDP คือ ราคาบอลที่จะกำหนดไว้สำหรับเกมที่เตะ ครบ 90 นาทีโดย ได้กำหนดไว้ก่อนฟุตบอลจะเริ่มเตะซึ่งราคาบอลนี้ จะมีค่าน้ำที่อิง เวลาการเตะ นั่นก็หมายถึง ณ ขณะที่บอลก่อนเตะ ราคาบอล จะเป็นแบบหนึ่ง และ ขณะบอลเริ่มแข่งขัน หรือก่อนการแข่งขันเล็กน้อย จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งราคาบอลชนิด จะอิงจาก อัตราการต่อรอง เป็นหลัก ซึ่งจะมีความแปรผัน ตามรูปเกมด้วย
- ราคาบอลไม่เต็มเวลา 1H HDP คือ ราคาบอลที่ กำหนดไว้เฉพาะเพียงครึ่งแรก โดยการตัดสินนั้นจะจบเพียง 45 นาทีแรกเท่านั้น โดยจะมีราคาอัตราตราต่อรอง ต่างจากบอล แบบเต็มเวลา FT HDP นั่นเอง
รูปแบบการเดิมพันที่สามารถเล่นแบบ ราคาบอลสดได้
กล่าวคือ ประเภทของการเดิมพันฟุตบอลนั้นบางประเภทไม่สามารถเล่น ขณะแข่งขันได้ และ จะมีอีกหลายประเภทที่สามารถ เล่น หรือ ลงเดิมพัน ในขณะที่บอลกำลังแข่งขีดได้ มีดังนี้
- แทงราคาบอลสดแบบ FT HDP คือการแทงบอลสด แฮนดิแคป แบบจบ 90 นาที ซึ่งจะสามารถเดิมพันราคาบอลสด ในขณะบอลเริ่มแข่งไปจนถึง การแข่งขันใกล้สิ้นสุด 90 นาที
- แทงราคาบอลสดแบบ 1H HDP คือการแทงบอลสด แฮนดิแคป แบบจบ 45 นาที หรือ ครึ่งแรก ซึ่งจะสามารถเดิมพัน ราคาบอลสดนี้ได้ขณะเริ่มแข่งครึ่งแรก จนจบเวลาครึ่งแรก 45 นาที
- แทงราคาบอลสดแบบ FT O/U สูงต่ำ เต็มเวลา 90 นาที
- แทงราคาบอลสดแบบ 1H O/U สูงต่ำ ครึ่งแรก 45 นาที
- แทงราคาบอลสดแบบ 1 x 2 FT เต็มเวลา 90 นาที
- แทงราคาบอลสดแบบ 1 x 2 1H ครึ่งเวลาแรก 45 นาที
ข้อดี-ข้อเสียของการแทงบอลสด
ข้อดีของการแทงบอลสด
- สามารถวิเคราะห์รูปเกม ในสถานการณ์ปัจจุบันได้
- ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเกม และ เกมที่กำลังแข่ง
- สามารถพลิกแพลงการลงทุน จากเสียเปรียบเป็นได้เปรียบได้
- สามารถทำกำไรได้ไว ไม่ต้องรอนาน
ข้อเสียของการแทงบอลสด
- ต้องใช้ทุนเยอะหากการแก้สถานการณ์ไม่ดี
- ต้องมีเวลา เพื่อที่จะต้องเฝ้าดูเกมการแข่งขัน อยู่ตลอด